การฉีดโบท็อกเป็นหนึ่งในวิธีการชะลอความแก่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บมากและใช้เวลาในการทำไม่นาน แต่อย่างไรก็ตาม บางครั้งอาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น ฉีดโบท็อกแล้วตาแข็ง ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายคนกังวล วันนี้ Dr. Bank จะพามาทำความเข้าใจว่าทำไมถึงเกิดอาการตาแข็งหลังฉีดโบท็อก มีสาเหตุมาจากอะไร อันตรายหรือไม่ และมีวิธีแก้ไขอย่างไร เพื่อให้คุณสามารถเตรียมตัวและรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างถูกต้อง รวมถึงวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดอาการตาแข็งหลังการฉีดโบท็อกในอนาคต
ฉีดโบท็อกแล้วตาแข็ง มีสาเหตุมาจากอะไร
อาการตาแข็งหลังฉีดโบท็อกเป็นหนึ่งในผลข้างเคียงที่สามารถพบได้ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับผู้ที่เพิ่งรับการฉีดโบท็อกเป็นครั้งแรก มาดูกันว่าสาเหตุของอาการฉีดโบท็อกแล้วตาแข็งมีอะไรบ้าง ดังนี้
- ฉีดโบท็อกในปริมาณมากเกินไป ถ้าฉีดโบท็อกมากเกินไปในบริเวณรอบดวงตา เช่น กล้ามเนื้อหางตา (Orbicularis oculi) หรือหน้าผาก (Frontalis muscle) อาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นเคลื่อนไหวน้อยลงมาก จนดูแข็งตึง ไม่เป็นธรรมชาติ
- ตำแหน่งการฉีดไม่เหมาะสม หากฉีดผิดตำแหน่ง เช่น อยากฉีดโบท็อกลดริ้วรอยแต่ฉีดใกล้แนวคิ้วมากเกินไป อาจทำให้กล้ามเนื้อที่ใช้ในการยกคิ้วอ่อนแรง ส่งผลให้ดวงตาดูแข็ง ไม่สามารถแสดงสีหน้าได้ตามปกติ
- ใช้โบท็อกที่ไม่ได้มาตรฐาน หากใช้โบท็อกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือหลังฉีดมีการนวดหรือกดแรง ๆ อาจทำให้ตัวยากระจายไปยังกล้ามเนื้อที่ไม่ควรถูกยับยั้ง ทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ตาตก หรือหน้าดูแข็ง
- โบท็อกยังไม่เข้าที่ โดยทั่วไปโบท็อกจะเริ่มออกฤทธิ์ใน 3 – 7 วัน และเห็นผลเต็มที่ใน 14 วันหลังทำ ดังนั้นอาการตึงแข็งอาจเกิดขึ้นในช่วงแรกและจะดีขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อเริ่มปรับตัว
ฉีดโบแล้วตาแข็ง อันตรายไหม?
อาการตาแข็งหลังฉีดโบท็อกไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพ เป็นเพียงผลข้างเคียงชั่วคราวที่สามารถหายได้เองเมื่อฤทธิ์ของโบท็อกเริ่มหมดไป ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ได้รับและการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคล
อย่างไรก็ตาม อาการตาแข็งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ เช่น การแสดงออกทางสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งอาจส่งผลต่อการสื่อสารและความมั่นใจในตัวเอง ในกรณีที่รุนแรง อาจเกิดอาการหนังตาตกจนบดบังการมองเห็น หรือตาปิดไม่สนิทจนเกิดอาการตาแห้ง ระคายเคืองหรือเกิดการติดเชื้อได้ นอกจากนี้ หากอาการตาแข็งเกิดจากการฉีดโบท็อกโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดความเสี่ยงต่ออาการแทรกซ้อนที่รุนแรงมากขึ้น เช่น การติดเชื้อ การแพ้ หรือการเกิดปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์อื่น ๆ
ดังนั้น แม้อาการฉีดโบท็อกแล้วตาแข็งจะไม่เป็นอันตรายร้ายแรงในระยะยาว แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ควรเลือกรับบริการจากสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานและดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ให้น้อยที่สุด และหากเกิดอาการผิดปกติหลังการฉีด ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อรับคำแนะนำในการแก้ไขอย่างถูกวิธี
ฉีดโบท็อกแล้วตาแข็งแก้ยังไง
- รอให้ฤทธิ์ยาสลายตัวลง วิธีที่ง่ายที่สุดคือการรอให้ฤทธิ์ของโบท็อกค่อย ๆ หมดไปตามธรรมชาติ ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ที่อาการจะเริ่มดีขึ้น แต่อาจต้องรอถึง 3 – 6 เดือนจึงจะหายสนิท
- นวดบริเวณที่ฉีดเบา ๆ การนวดเบา ๆ บริเวณที่ได้รับการฉีดโบท็อกอาจช่วยกระจายตัวยาและลดความเข้มข้นในจุดที่เกิดอาการได้ อย่างไรก็ตาม ควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์ และไม่ควรนวดแรงเกินไป
- ประคบอุ่นเบา ๆ บริเวณที่มีอาการตาแข็ง อาจช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและเร่งการเผาผลาญสารโบท็อกได้เร็วขึ้น
- บริหารกล้ามเนื้อใบหน้า การบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าอย่างสม่ำเสมอ เช่น การยิ้ม ขมวดคิ้วหรือการขยับเปลือกตา อาจช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อให้โบท็อกสลายตัวได้
หากอาการตาแข็งหลังฉีดโบท็อกไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรงมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น อาการปวด บวมหรือมีการติดเชื้อร่วมด้วย
วิธีป้องกันไม่ให้ฉีดโบท็อกแล้วตาแข็ง หนังตาตก
การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข โดยเฉพาะกับปัญหาฉีดโบท็อกแล้วตาแข็งที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและการใช้ชีวิตประจำวัน มีหลายวิธีที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการตาแข็งหรือหนังตาตกหลังการฉีดโบท็อกได้ ดังนี้
- เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านความงามและมีประสบการณ์ในการฉีดโบท็อกโดยเฉพาะ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้อย่างมาก แพทย์ที่มีความรู้ความเข้าใจในโครงสร้างกายวิภาคของใบหน้าอย่างลึกซึ้งจะสามารถประเมินปริมาณยาและตำแหน่งที่เหมาะสมได้อย่างแม่นยำ
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกที่ได้มาตรฐาน การใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานและมีความบริสุทธิ์สูงจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
- ปรึกษาและแจ้งประวัติอย่างละเอียดก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อก ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดถึงความคาดหวัง ประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว และประสบการณ์การฉีดโบท็อกในอดีต เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณโดยเฉพาะ
- หลีกเลี่ยงการฉีดในบริเวณเสี่ยง บางตำแหน่งบนใบหน้ามีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการตาแข็งหรือหนังตาตกหลังฉีดโบท็อก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะหลีกเลี่ยงหรือใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการฉีดบริเวณเหล่านี้
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก
- งดการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด หลังฉีดโบท็อก ควรงดการนวด กดหรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดอย่างแรงเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการกระจายตัวของยาไปยังกล้ามเนื้อใกล้เคียงที่ไม่ต้องการให้มีผล
- ไม่ควรนอนตะแคง ควรพยายามนั่งตัวตรงและหลีกเลี่ยงการนอนราบหรือก้มหน้ามากเกินไปในช่วง 4 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกเคลื่อนตัวไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการ
- งดการออกกำลังกายหนัก ควรงดการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงหลังการฉีด เพื่อป้องกันการกระจายตัวของยาและลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำ
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้ความร้อนสูง ควรงดการอบซาวน่า อาบน้ำร้อน หรืออยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงมากเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการฉีด เนื่องจากความร้อนอาจกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและทำให้โบท็อกกระจายตัวไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการ
- งดดื่มแอลกอฮอล์ ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการฉีด เนื่องจากแอลกอฮอล์อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำและการอักเสบ
- งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของกรด ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด เช่น AHA, BHA หรือ Retinol เป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังการฉีด เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
- ใช้หมอนสูงขณะนอน ในคืนแรกหลังการฉีด ควรใช้หมอนสูงเพื่อยกศีรษะให้อยู่สูงกว่าระดับหัวใจ ซึ่งจะช่วยลดการบวมและป้องกันการกระจายตัวของยา
- กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้าเบา ๆ ในช่วง 1 – 2 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด อาจทำการขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเบาๆ เช่น การยิ้ม ขมวดคิ้ว หรือหรี่ตา เพื่อช่วยให้โบท็อกซึมเข้าสู่กล้ามเนื้อเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
สรุปบทความ
การฉีดโบท็อกเป็นหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น อาการตาแข็ง ตาตกซึ่งอาจเกิดจากปริมาณยาที่มากเกินไป เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง ความเชี่ยวชาญของแพทย์หรือโบท็อกที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ส่งผลถึงความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ก็สามารถแก้ไขได้แก่ การรอให้ฤทธิ์ยาหมดไป การนวดเบา ๆ ประคบอุ่นหรือบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าบริเวณที่ฉีดโบท็อกมา อย่างไรก็ตาม หากพบว่าอาการรุนแรงขึ้น ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ หากไม่อยากในเกิดเหตุการณ์ฉีดโบแล้วตาแข็ง ตาตกหรืออันตรายอื่น ๆ แนะนำให้พิจาราเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน พร้อมเลือกทำกับทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ที่ Dr. Bank Clinic เราดำเนินการโดยทีมแพทย์มากประสบการณ์และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองมาตรฐาน พร้อมให้คำแนะนำอย่างละเอียด เพื่อให้เหมาะกับแต่ละเคสให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการมากที่สุด