หลักการทำงานของ Ultra Hifu

1. ระดับผิวชั้นลึก (4.5 mm) พลังงานจากคลื่นเสียงจะถูกส่งไปถึงผิวชั้นกล้ามเนื้อช่วงบน (SMAS) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ใช้ดึงหน้าด้วยการผ่าตัด ผิวจะมีการหดรัดตัวจากพลังงานความร้อนที่เกิดขึ้น ส่งผลให้มีการยกกระชับของผิวหน้าทันที
2. ระดับผิวชั้นหนังแท้ทั้งชั้นตื้นและลึก (1.5 mm และ 3 mm) จะมีการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่จากพลังงานความร้อน ช่วยให้ผิวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังทำการรักษา
3. macro focus ultrasound ระดับความลึก 2 mm ระบบหัวยิงพิเศษเฉพาะ ultra 3 พลังงานจะถูกยิงลงผิวเป็นจุดขนาดใหญ่ (macro dot) ให้พลังงานที่สม่ำเสมอที่ระดับชั้นผิวหนังแท้ ช่วยให้การสร้างคอลลาเจนใหม่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Ultra Hifu ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

1. ยกคิ้วและหนังตาบน
2. กระชับผิว ลดริ้วรอยรอบดวงตาโดยเฉพาะใต้ตา
3. ลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก
4. ยกกระชับแก้มและโหนกแก้ม ช่วยแก้ไขปัญหาร่องแก้มลึก
5. ช่วยแก้ปัญหามุมปากตกและแก้มย้อย
6. ปรับหน้าเรียว v shape
7. ลดไขมันส่วนเกินและเหนียงใต้คาง
8. ลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยบริเวณลำคอ

Ultra Hifu เจ็บไหม?

ก่อนทำการรักษาทางคลินิกจะทายาชาให้ เครื่อง Ultra Hifu ที่คลินิกใช้เป็นเครื่อง HIFU ที่มีความเจ็บน้อยมากเมื่อเทียบกับเครื่องกลุ่มเดียวกันและยังใช้ระยะเวลาในทำการรักษาที่สั้นกว่า ทั่วหน้าประมาณไม่เกิน 30 นาทีเท่านั้นและไม่มีระยะพักฟื้น รวมถึงไม่มีอาการแสบหรือว่าหน้าแดงหลังทำ

ผลลัพธ์หลังทำการรักษา

• หลังทำการรักษาผิวที่มีความหย่อนคล้อยจะดูยกกระชับขึ้นทันทีจากการหดรัดตัวของผิวชั้นลึก (SMAS) และจะค่อยๆเห็นผลชัดขึ้นเรื่อยๆ จากการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิว ตั้งแต่ 1 เดือนจนถึง 3 เดือนหลังทำการรักษา
• ผลการรักษาจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี แนะนำทำการรักษาทุก 6 เดือนถึง 1 ปีต่อเนื่องเพื่อคงสภาพผิวที่ดีไว้นานๆ

ข้อควรปฎิบัติหลังทำการรักษา

1. หลังทำการรักษาในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกจะรู้สึกตึงผิวลึกๆ ได้ระดับนึง จากผิวชั้นลึกที่มีการหดรัดตัวจากคลื่นอัลตราซาวน์ อาการจะค่อยๆหายไปเอง
2. สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ล้างหน้าแต่งหน้าได้ทันทีหลังทำการรักษา
3. ผิวชั้นบนไม่มีการลอกหรือสะเก็ดใดๆ สามารถโดนแดดได้ตามปกติ

ก่อนทำ - หลังทำ Ultra Hifu