Spectra Laser

Spectra laser
• Spectra XT laser เป็นเลเซอร์กลุ่ม Q-switch Nd:YAG laser ความยาวคลื่น 532 และ 1064 นาโนเมตร เป็นเลเซอร์ที่ออกแบบมาเพื่อรักษาเม็ดสีที่ผิดปกติต่างๆ  พลังงานจากเลเซอร์จะถูกดูดซับโดยเม็ดสีเมลานิน เมื่อได้รับพลังงานแสง เม็ดสีจะมีการแตกตัวออก บางส่วนอาจจะลอกหลุดไปเป็นสะเก็ดหรืออาจจะค่อยๆจางลงไป จะสังเกตเห็นได้จากเม็ดสีที่ขน เส้นขนที่ถูกพลังงานเลเซอร์จะกลายเป็นขนสีขาว ตัวเครื่องที่คลินิกใช้มีโหมดการรักษาพิเศษเพิ่มเติม 3 โหมด แตกต่างจากเลเซอร์กลุ่ม Q-switch ทั่วไปคือ 

• Revital XT laser เป็นการยิงเลเซอร์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเข้าสู่ผิวชั้นลึก เพื่อเพิ่มสร้างคอลเลเจนใหม่ ช่วยให้รูขุมขนกระชับขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น ลดหน้ามันและปัญหาสิว เป็นๆหาย 

• Gold toning XT (595nm) พลังงานจากเลเซอร์จะถูกดูดซับโดยเม็ดสีผิดปกติและหลอดเลือดฝอยขนาดเล็ก ช่วยแก้ปัญหาต่างๆดังต่อไปนี้คือ
1 สิวอักเสบ
2 รอยแดงสิว
3 อาการหน้าแดงหลังทำเลเซอร์หรือจากสาเหตุอื่นๆ
4 ฝ้าที่มีลักษณะของหลอดเลือดผิดปกติร่วมด้วย

• Ruvy touch XT (660nm) ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อรักษาเม็ดสีผิดปกติชนิดที่ตื้นให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ลดผลข้างเคียงและระยะพักฟื้นผิวหน้าหลังทำการรักษาลง 

Spectra XT ใช้ช่วยเรื่องอะไรบ้าง 
ใช้รักษาเม็ดสีผิดปกติได้ดังต่อไปนี้ 
1 ฝ้า (melasma)
2 กระตื้น (freckle)
3 ปานดำ (nevus of ota)
4 ปานสีน้ำตาล แต่ผลการรักษาอาจจะไม่ค่อยดีนัก
5 กระลึกบริเวณโหนกแก้ม
6 รอยคล้ำใต้ตาและริมฝีปาก 
7 รอยแดงและสิวอักเสบ 
8 ผื่นแดงและเส้นเลือดฝอยขยายตัวผิดปกติ
9 ผิวหน้าดูขาวใสขึ้น
10 กระชับรูขุมขน ลดหน้ามัน
11 ลบรอยสัก 
12 รอยดำหลังการอักเสบต่างๆ เช่น รอยดำหลังทำเลเซอร์ รอยดำสิว ตุ่มยุงกัดตามแขนขา รอย รอยดำจากแผลไหม้ต่างๆ 
13 รอยแผลเป็นนูนและ keloid ซึ่งจะได้ผลดีถ้าทำคู่กับการฉีดยา steroid ลดรอยนูน

ซึ่งการรักษาแต่ละอย่างวิธีการรักษาอาจจะไม่เหมือนกัน บางอย่างอาจจะเป็นการยิงพลังงานต่ำเท่านั้นเพื่อให้เม็ดสีจางลงไปเอง เช่น ฝ้า บางจุดอาจจะต้องยิงด้วยพลังงานสูงเพื่อให้เม็ดสีมีการแตกกระจายตัวออกไปและเกิดสะเก็ดแผลหลังทำ เช่น การลบรอยสัก กระลึก เป็นต้น แพทย์จะผู้ทำการรักษาจะเป็นผู้ตรวจสภาพผิวและประเมินการรักษาที่คลินิกอีกครั้ง เนื่องจากภาพถ่ายไม่สามารถประเมินการรักษาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

การฉีดยาลดรอยดำ intralesional tranexamic acid injection
ตัวยา tranexamic acid จะมีฤทธิ์ในการลดการทำงานของเม็ดสีที่ถูกสร้างมากเกินกว่าปกติ มี 2 รูปแบบ เลือกใช้ตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น 
1 ยารับประทาน ตัวยา tranxamic acid เป็นตัวยาที่แพทย์ผิวหนังใช้กันอย่างแพร่หลายในการรักษาฝ้า ในขนาดยา 500-1500 mg ต่อวัน เริ่มเห็นผลชัดหลังรับประทานประมาณ 2 เดือน ตัวยามีผลข้างเคียงน้อยสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย โดยปกติจะรับประทานต่อเนื่องในช่วง 2-4 เดือน 
2 ตัวยาฉีด tranexamic acid ใช้ฉีดลงไปใต้ผิวบริเวณที่มีปัญหาเรื่องรอยดำต่างๆ แนะนำฉีดต่อเนื่องทุก 2 สัปดาห์จนกว่ารอยดำจนลดลงในระดับที่น่าพอใจ 
ฉีดยาลดรอยดำใช้ในการรักษาอะไรบ้าง
1 ฝ้า
2 รอยดำหลังการอักเสบต่างๆ 
3 รอยดำหลังทำเลเซอร์หรือรอยดำของแผลผ่าตัดต่างๆ 
การรักษาด้วยยารับประทานหรือการฉีดยาลดรอยดำคู่ไปกับการทำเลเซอร์และทรีทเมนต์ตามคำแนะนำของแพทย์จะทำให้ได้ผลการรักษาที่ดียิ่งขึ้น 

Trios light (IPL)
เป็นการยิงแสงความเข้มข้นสูง (intense pulsed light) ความยาวคลื่น 400-1200 นาโนเมตร ลงไปบนผิวโดยใช้ตัวกั้นแสง (filter) ตัดแสงความยาวคลื่นที่ไม่ต้องการออกไป ตัวแสงจะถูกดูดซับด้วยตัวรับแสงต่างๆที่ผิว ได้แก่ hemoglogin ในเม็ดเลือดและหลอดเลือดแดง melanin pigment เม็ดสีในเซลล์เม็ดสี เป็นต้น พลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดผลการรักษาตามที่ต้องการ เช่น รอยแดงสิวจางลง ผิวหน้าดูขาวใสขึ้น 
Trios light ช่วยอะไรบ้าง 
การรักษาด้วยแสงความเข้มสูงได้ประโยชน์หลายอย่าง ได้แก่ 
1 ผิวหน้าดูขาวใสขึ้น (whitening)
2 รอยดำและกระบางส่วนจางลง 
3 รอยแดงสิว (post acne redness) ดีขึ้น 
4 สิวอักเสบลดลง 
5 รูขุมขนดูกระชับขึ้นและริ้วรอยดูดีขึ้น 

ระยะความถี่ในการรักษา 
- ก่อนทำจะมีการทาเจลเย็นเพื่อลดความเจ็บปวดและป้องกันผิวไหม้ ขณะทำการรักษาจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเหมือนโดนหนังสติ๊กดีดเบาๆ แสงความเข้มสูงจะจ้ามาก ต้องหลับตาระหว่างทำการรักษาและใส่แว่นกันแสง 
- ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นผลหลังการรักษา 2-3 ครั้งแต่บางคนอาจจะรู้สึกใสขึ้นหลังทำการรักษาทันที แนะนำทำการรักษาระยะแรก ทุก 2-3 สัปดาห์ และสามารถทำการรักษาต่อเนื่องได้เพื่อให้ผิวมีสุขภาพดีสม่ำเสมอ 

IPL ต่างจากเลเซอร์อย่างไร 
แสงความเข้มสูง (IPL) เป็นแสงที่มีความยาวคลื่นกว้าง 400-1200 นาโนเมตร ในขณะที่เลเซอร์จะมีความยาวคลื่นเดียวตามแหล่งกำเนิดแสง ดังนั้นเลเซอร์จะมีความเฉพาะเจาะจงที่สูงกว่าในการรักษาเฉพาะอย่างในขณะที่ IPL จะทำได้หลายๆอย่างแต่ไม่ได้ประสิทธิภาพเท่า เช่น การรักษากระต่างๆ เลเซอร์จะสามารถทำได้ดีกว่า เลเซอร์กำจัดขนเลเซอร์จะสามารถกำจัดขนได้อย่างปลอดภัยแม้ในคนผิวคล้ำ เม็ดสีที่ผิวจะรับพลังงานไม่มากนักไม่เป็นอันตรายต่อผิว ในขณะที่ IPL ตัวแสงจะถูกดูดซับโดยเม็ดสีค่อนข้างมาก ในคนผิวคล้ำอาจจะเกิดการไหม้ของผิวได้ เป็นต้น 

การปฎิบัติตัวหลังทำการรักษา  
1 หลังทำการรักษาสามารถแต่งหน้าทาครีมบำรุงได้ทันที 
2 ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดหลังทำการรักษาในช่วง 1 สัปดาห์แรก 
3 ถ้ามีกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น เล่นกีฬากลางแจ้งหรือไปเที่ยวในที่แสงแดดจัด ควรพักผิวก่อนทำการรักษา 1 สัปดาห์เนื่องจากผิวมีการตอบสนองต่อแสงแดดอยู่แล้วอาจจะทำให้ได้รับพลังงานมากเกินไป 
4 ทำการรักษาต่อเนื่องโดยช่วงแรกทำทุก 2-3 สัปดาห์ พอผิวเริ่มดีขึ้นอาจจะทำการรักษาห่างขึ้นเป็นทุก 1-2 เดือน เพื่อสุขภาพผิวที่ดี 

ติดต่อสอบถาม
Tel : 02-693-9967
091-004-2777 | 095-719-3166

Line ID : @dr.bankclinic

ติดต่อสอบถาม
Tel : 02-693-9967
091-004-2777 | 095-719-3166
Line ID : @dr.bankclinic